ภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่ง!
เมื่อทำของแฮนด์เมดเสร็จสักชิ้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ การถ่ายภาพสินค้าให้ออกมาดูสวยค่ะ ในโลกออนไลน์ ลูกค้าไม่มีโอกาสจับต้องและมองเห็นตัวสินค้าจริงได้ ต้องเลือกซื้อของผ่านภาพถ่ายและคำบรรยายเท่านั้น ดังนั้น รูปสินค้าที่ดูสว่าง สวย และคมชัด นอกจากจะแสดงหน้าตาสินค้าและรายละเอียดได้ชัดเจนแล้ว ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าของ
www.blisby.com ได้อีกด้วยค่ะ มาดูกันดีกว่าว่ามีเทคนิคง่ายๆอะไรบ้าง ที่จะทำให้ถ่ายรูปสินค้าออกมาดูดีโดยไม่จำเป็นต้องใช้กล้องราคาแพงเลยค่ะ
สวยด้วยแสงธรรมชาติ
ปัญหาของภาพสินค้าส่วนใหญ่คือภาพมักจะออกมามืด ไม่สว่างสดใสอย่างที่ควรจะเป็น วิธีแก้ไขที่ทำได้ง่ายที่สุดก็คือ การออกไปถ่ายภาพนอกอาคารโดยใช้แสงธรรมชาติค่ะ เวลาที่ดีที่สุดจะเป็นช่วงประมาณ 4-5 โมงเย็น เพราะแสงไม่แรงจนเกินไปและมีปริมาณแสงที่เพียงพอต่อการถ่ายภาพ เราไม่จำเป็นต้องเปิดแฟลช ใช้ขาตั้งหรือจัดแสงใดๆ ภาพสินค้าก็จะออกมาชัดเจน สว่าง และมีสีที่ตรงกับสินค้าจริง ซึ่งถ้าภาพออกมาสวยตั้งแต่หลังกล้องแล้ว ก็แทบไม่จำเป็นจะต้องแต่งภาพต่อในคอมฯ เลยค่ะ แต่ถ้าใครไม่สะดวกที่จะออกไปถ่ายภาพด้านนอก หรือว่าบริเวณบ้านไม่มีพื้นที่เพียงพอ การถ่ายภาพสินค้าในอาคารก็สามารถทำได้เช่นกัน ควรเลือกถ่ายบริเวณใกล้หน้าต่างเพื่อให้รับแสงได้มากที่สุด แต่ถ้ายังมืดไป ก็สามารถเปิดไฟในห้องเป็นตัวช่วยได้ค่ะ
มุมมองใหม่ให้ไอเดีย
การทดลองอะไรใหม่ๆ มักจะทำให้เกิดไอเดียดีๆ ตามมาเสมอ การถ่ายภาพสินค้าก็เช่นกันค่ะ แทนที่จะติดอยู่กับมุมเดิมๆ ลองเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง เช่น วางสินค้าให้หันด้านต่างๆ ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง ลองถ่ายหลายๆ มุม ไม่ว่าจะเป็น ถ่ายจากด้านบน ด้านข้าง ใช้โหมดมาโคร (Macro) เพื่อถ่ายระยะใกล้ หรือถ่ายมุมเดียวกันแต่ลองถ่ายทั้งแนวตั้งและแนวนอน เพราะแต่ละมุมมองก็จะทำให้อารมณ์ของภาพมีความแตกต่าง แถมยังเป็นการเพิ่มตัวเลือกใหม่ๆ เวลาคัดเลือกรูปสินค้าไปใส่ในร้านอีกด้วยนะคะ และที่สำคัญที่สุดก็คือ ลูกค้าจะได้มีโอกาสเห็นสินค้าในมุมต่างๆ ได้อย่างละเอียดและชัดเจนมากขึ้นค่ะ
โฟกัสให้แม่น!
กล้องในปัจจุบันนี้เฉลียวฉลาดมากก็จริง แต่หลายๆ ครั้งโหมดโฟกัสอัตโนมัติ (Auto Focus) ก็ไม่สามารถเดาใจผู้ใช้ได้ถูกต้องเสมอไป เคยไหมคะที่ถ่ายภาพสินค้าแล้วกล้องดันไปโฟกัสที่ฉากหลัง กลายเป็นว่ารูปสินค้าเบลอ ในขณะที่ฉากหลังชัดกริบ หรือบางทีเบลอไปหมดทั้งสินค้าทั้งฉากหลัง คงจะไม่ดีแน่ถ้าลงรูปสินค้าแบบนี้ เพราะนอกจากจะทำให้ลูกค้ามองไม่เห็นรายละเอียดสินค้า ก็ยังทำให้แลดูไม่น่าซื้ออีกด้วย ฉะนั้น การโฟกัสจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามค่ะ
สำหรับกล้อง DSLR และกล้องดิจิทัลทั่วๆ ไป อย่าลืมกดชัตเตอร์ลดครึ่งหนึ่งเพื่อให้กล้องโฟกัสที่ตัววัตถุหรือบริเวณที่ต้องการก่อน แล้วจึงค่อยกดชัตเตอร์เพื่อถ่ายภาพนะคะ ส่วนกล้องมือถือและกล้องดิจิทัลระบบสัมผัสหน้าจอก็เช่นกัน อย่ารีบร้อนจนเกินไปค่ะ แตะหน้าจอบริเวณที่จะโฟกัส รอดูสักนิดให้มั่นใจว่ากล้องจับโฟกัสได้แล้วจึงค่อยกดถ่าย ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมตรวจสอบรูปภาพก่อนอัพโหลดไฟล์กันด้วยนะคะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาถ่ายซ่อมอีกรอบ
ดึงจุดเด่นด้วยฉากหลัง
สำหรับใครที่เจอปัญหาไม่มีมุมสวยๆ ในบ้านไว้ถ่ายรูปสินค้า เช่น ถ่ายภาพออกมาแล้วติดหน้าต่างมุ้งลวดในห้องบ้าง หรือถ่ายแล้วเห็นวอลเปเปอร์สีซีดๆ เป็นฉากหลังบ้าง ไม่ต้องห่วงค่ะ เรามาเนรมิตสตูดิโอถ่ายรูปเล็กๆ ในบ้านกันดีกว่า!
ก่อนอื่น หาจุดที่สภาพแสงพอเพียง ถ้าเป็นบริเวณที่ใกล้กับหน้าต่างได้ยิ่งดีค่ะ เปิดหน้าต่างให้กว้าง เปิดไฟให้สว่าง จากนั้นใช้กระดาษสีขาวแผ่นใหญ่วางรองสินค้าและวางตั้งขึ้นให้เป็นฉากหลัง (ถ้าไม่มีกระดาษแผ่นใหญ่ ใช้แผ่นเล็ก 2 แผ่นก็ได้ค่ะ) จากนั้นลองถ่ายภาพดู กระดาษขาวจะทำหน้าที่สะท้อนแสงและทำให้สินค้าดูสว่างสดใสมากขึ้น และเมื่อมีฉากหลัง ตัวสินค้าจะเป็นโดดเด่นขึ้นกว่าเดิมเพราะไม่มีสิ่งอื่นมากวนสายตาค่ะ แต่สำหรับสินค้าโทนสีขาวหรือสีอ่อน ให้ใช้ฉากสีที่เข้มขึ้นเพื่อให้สีตัดกับสินค้านะคะ ส่วนใครที่ชอบสีสัน ลองเปลี่ยนฉากขาวเป็นพื้นผิวแบบอื่นดูก็ได้ค่ะ เช่น โต๊ะไม้ ผ้าสีสวยๆ หรือกระดาษห่อของขวัญ ก็จะช่วยเพิ่มอารมณ์สนุกๆ ได้มากขึ้นค่ะ
ใส่ของประกอบฉาก
อีกเทคนิคแสนง่ายที่ทำให้ภาพถ่ายสินค้าดูมีชีวิตชีวามากขึ้นก็คือ ถ่ายภาพสินค้าคู่กับสิ่งของอย่างอื่น เช่น หานางแบบมาใส่กระโปรงผ้าฝ้ายทอมือ หาพร็อบน่ารักๆ จัดใส่กระเป๋าสะพายที่เย็บเอง หากรอบรูปสวยๆ มาใส่ภาพวาดสีน้ำแล้วแขวนไว้บนผนังที่ลายเข้ากัน นอกจากจะทำให้ภาพดูน่าสนใจขึ้น ยังช่วยให้ลูกค้าเข้าใจการใช้งานและสามารถกะขนาดสินค้าได้คร่าวๆ ว่าสินค้ามีขนาดเล็กหรือใหญ่ประมาณไหน แล้วยังเป็นการให้ไอเดียเวลาลูกค้าเอาไปใช้จริงอีกด้วยค่ะ
สำหรับช่างภาพมือใหม่ ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร มาลองเรียนรู้วิธีและสไตล์การถ่ายภาพสวยๆ จากร้านต่างๆ ใน
Blisby.com ที่พวกเราขอแนะนำค่ะ
การลองถ่ายบ่อยๆก็จะทำให้พัฒนาฝีมือได้อย่างรวดเร็วนะคะ ขั้นตอนทั้งหมดนี้ อาจจะทำให้ต้องใช้เวลามากขึ้น แต่ถ้าเห็นผลลัพธ์ที่ออกมา รับรองว่าหายเหนื่อยแน่นอนค่ะ
